แม้ญี่ปุ่นจะเป็นประเทศที่ขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในประเทศที่มีระบบการขนส่งที่ดีที่สุดในโลก มีรางรถไฟที่ควบคุมทั่วทั้งประเทศ
แต่ว่าจริงๆแล้วนั้น รถไฟยังไม่ได้ครอบคลุมทั้วทั้งหมดในบางภูมิภาคของประเทศญี่ปุ่น เช่น โอกินาว่า หรือ ฮอกไกโด ทำให้การขับรถยังเป็นการเดินทางหลักเวลาที่เราไปเที่ยวในภูมิภาคนั้นๆ
อีกทั้งเราก็ยังคงปฎิเสธไม่ได้ว่า “รถ” ยังคงเป็นวิธีการเดินทางที่สะดวกที่สุุด โดยเฉพาะกลุ่มที่เดินทางไปพร้อมกับเด็กเล็กหรือผู้สูงอายุ
เรามาดูกันดีกว่าว่า ถ้าเราต้องไปขับรถที่ญี่ปุ่นนั้น มันง่ายไหม และเราต้องระวังอะไรบ้าง
Contents
เขตจำกัดความเร็ว
ที่ประเทศญี่ปุ่นนั้น รถจะขับกันช้ากว่าในประเทศไทยค่อนข้างมาก
ในเขตตัวเมืองนั้น จะจำกัดความเร็วอยู่ที่ประมาณ 40-50 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเท่านั้น หากขับนอกตัวเมือง ความเร็วจะจำกัดไว้ที่ 60-70 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ทางด่วนแต่ละที่จะมีลิมิตความเร็วที่แตกต่างกัน บางที่อาจจะให้แค่ 70 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และบางที่อาจจะให้สูงถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
เราสามารถขับสูงกว่าความเร็วที่กำหนดไว้อย่างถูกกฎหมายได้เพิ่มอีกประมาณ 10 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
หมายความว่าถ้าเขตนั้นมีลิมิตความเร็วที่ 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เราสามารถขับที่ 70 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ หากท่านขับเร็วกว่านั้น ท่านอาจจะโดนตำรวจเรียกได้
แล้วเราจะรูู้ได้อย่างไรว่าเราจะขับได้เร็วแค่ไหน?
เราจะรู้ได้โดยสามวิธีหลักๆ
- คอยดูป้ายจำกัดความเร็วบนถนน
- ดูที่ GPS ของรถเรา ซึ่งรถทุกคันที่ญี่ปุ่นจะมี GPS ให้ และจะคอยบอกเราว่าพื้นที่ที่เรากำลังขับอยู่นี้ จำกัดความเร็วไว้ที่เท่าไหร่
- ขับตามรถคันอื่น ถ้าคันอื่นใช้ความเร็วแค่ไหน เราก็ขับตามเท่านั้น แต่ถ้าเห็นคันไหนขับเร็วมากกว่าคันอื่นมากๆ มีโอกาศเป็นไปได้ว่าคันนั้นกำลังขับเร็วเกินที่กฎหมายกำหนดอยู่
อีกสิ่งที่สำคัญก็คือหากท่านขับไปแล้วเจอตำรวจอยู่ข้างหน้าหรือตามด้านหลัง ให้ขับโดยใช้ความเร็วเดียวกับรถตำรวจ เพราะตำรวจจะขับโดยใช้ความเร็วสูงสุดในที่ๆที่พื้นที่นั้นกำหนด
เลนขวาสำหรับแซงเสมอ
ที่ญี่ปุ่นนั้น เลนขวามีไว้สำหรับแซงเท่านั้น ทุกครั้งที่ท่านขับเลนขวา ท่านต้องสำหรับแซงรถคันอื่นเท่านั้น เมื่อท่านแซงเสร็จเรียบร้อยแล้ว ให้ท่านเปลี่ยนเข้ามาขับที่เลนซ้ายเสมอ
จอดรถในที่ที่จัดไว้ให้เท่านั้น
โดยส่วนมากแล้ว เราไม่สามารถจอดรถริมถนนได้ในประเทศญี่ปุ่น เราต้องจอดในที่จอดรถเสมอ ไม่ว่าจะเป็นที่จอดรถตามร้านอาหาร ร้านสะดวกซื้อ หรือตามที่จอดรถแบบหยอดเหรียญ
บางครั้งเราสามารถจอดรถริมถนนได้แบบชั่วคราวไม่เกิน 60 นาที ซึ่งเราจะสังเกตุได้จากที่ถนนจะมีเส้นตีไว้สำหรับจอดรถ
คิดถึงทางเอกทางโทไว้ตลอดเวลา
เราอาจจะไม่ได้คิดถึงเรื่องทางเอกทางโทมากเวลาขับรถที่ประเทศไทย แต่เมื่อไหร่ก็ตาม เมื่อเราไปขับรถที่ญี่ปุ่น เราต้องคิดถึงเรื่องนี้ตลอดเวลาว่า รถฝั่งไหนคือทางเอกและสมควรได้ไปก่อน รถฝั่งไหนคือทางโทที่เราต้องจอดรถ
โดยที่ญี่ปุ่นจะไม่มีการค่อยๆขับช้าๆแทรกหน้าเข้าไปเพื่อให้ได้ทาง แต่จะรอให้รถทางเอกขับไปให้หมดก่อนถึงจะขับไปได้
ม้าลายข้ามถนน
จงจำไว้เสมอว่า ม้าลายข้ามถนนคือทุกอย่าง เมื่อไหร่ก็ตามที่เราถึงทางม้าลาย เราต้องคอยชะลอรถดูว่ามีคนกำลังจะรอข้ามหรือไม่ หากมี เราต้องให้คนข้ามไปก่อน และเราห้ามจอดทับทางม้าลาย
กรณียกเว้นคือเป็นจังหวะติดพัน ไฟอาจจะเปลี่ยนเป็นสีแดงในขณะที่เราติดอยู่บนทางม้าลาย หากเกิดกรณีนี้ขึ้น ให้เราหยุดรถอยู่กับที่ จนกระทั่งคนข้ามทางม้าลายเสร็จเรียบร้อยแล้วถึงจะค่อยขับต่อไปได้
เวลาที่เราต้องการจะเลี้ยวเข้าซอยหรืออาหารต่างๆด้วยเหมือนกัน หากมีคนหรือรถจักรยานกำลังข้ามถนนอยู่ เราต้องรอให้อีกฝั่งข้ามเสร็จเรียบร้อยดีก่อน ถึงจะขับเข้าไปได้
ทางม้าลายที่ญี่ปุ่นจำนวนมากจะมีไฟเขียวไฟแดงให้ และเราก็ต้องรอสัญญานไฟก่อนที่จะขับไปได้
แยกไฟเขียวไฟแดง
ที่ญี่ปุ่นนั้น ทุกครั้งที่เราถึงแยกไฟเขียวไฟแดง เราต้องรอสัญญานไฟก่อนที่จะขับต่อไปได้ และจะไม่มีเลี้ยวซ้ายผ่านตลอดเหมือนบ้านเรา
อีกทั้งเมื่อเราถึงสี่แยกไฟแดงที่ญี่ปุ่นจะและต้องการเลี้ยวขวา เราต้องรอให้รถฝั่งตรงข้ามไปให้หมดก่อน ก่อนที่เราจะเลี่ยวได้ ถึงแม้ว่าไฟฝั่งเราจะเป็นสีเขียวก็ตาม
เพราะว่าที่ญี่ปุ่นนั้น ไฟเขียวจะปล่อยพร้อมกันทั้งสองฝั่ง โดยจะไม่ได้ค่อยๆปล่อยทีละฝั่งเหมือนบ้านเรา
จอดรถให้สนิท ดูซ้ายขวา ก่อนที่จะข้ามทางแยกหรือทางรถไฟ
เมื่อไหร่ก็ตามที่เราขับรถถึงทางแยกโดยเฉพาะทางรถไฟ ให้เราจอดรถให้สนิท และมองซ้ายมองขวาให้เรียบร้อยก่อน ถึงจะข้ามแยกไปได้
โดย GPS ในรถจะคอยส่งเสียงเตือนเราทุกครั้งเวลาที่่เราถึงทางแยก ถึงแม้ว่าในขณะนั้นเราไม่ได้ใช้ GPS นำทางอยู่ก็ตาม
ระวังการใช้ไฟสูง
ที่ไทยนั้น ความหมายของการเปิดไฟสูงคือต้องการที่จะเตือนว่า “อย่าเพิ่งออกมานะ เรามาด้วยความเร็ว”
แต่ที่ญี่ปุุ่นนั้นกลับมีความหมายตรงกันข้าม เพราะการเปิดไฟสูงนั้นหมายถึงเราให้ทางฝั่งตรงข้ามไปก่อน
รู้จักให้สัญญาณขอบคุณ
หากเราให้หยุดให้อีกฝั่งไปก่อนและโดนบีบแตรใส่สั้นๆหนึ่งทีนั้นก็ไม่ต้องตกใจไป เพราะความหมายของการบีบแตรสั้นๆคือในประเทศญี่ปุ่น “ขอบคุณ”
แต่จำไว้ว่า ถ้าบีบแตรยาวๆเมื่อไหร่ หมายความว่าให้ระวัง เพราะคุณอาจจะกำลังขับรถผิดกฎอะไรบ้างอย่างอยู่
อีกหนึ่งสัญญาณขอบคุณคือเมื่อเราให้รถเปลี่ยนเลนแล้วมาอยู่ข้างหน้าเรา รถคันข้างหน้าอาจจะส่งสัญญาณของคุณโดยการเปลี่ยนไฟเลี่้ยว “ขวาที ซ้ายที”
รักษาระยะห่าง
การขับรถในประเทศญี่ปุ่นนั้น เราต้องเว้นระยะห่างคันหน้าตลอดเวลา หากเราต้องไปขับช่วงหน้าหนาวและพื้นถนนเป็นน้ำแข้ง เราต้องยิ่งเว้นระยะห่างคันหน้ามากๆ เพื่อป้องกันรถไหลไปกับถนน แม้เราจะเหยียบเบรคแล้วก็ตาม
อย่ากดปุ่มฉุกเฉินเล่น
รถเช่าที่ญี่ปุ่นบางคันนั้นจะมีปุ่มฉุกเฉินเป็นรูปเครื่องหมายบวกสีแดงเล็กๆ อยูู่แถวๆไฟห้องโดยสารตรงคนขับ เพื่อใช้สำหรับกรณีฉุกเฉินเท่านั้น เช่น รถเกิดอุบัติเหตุ มีคนหมดสติกระทันหัน หรือรถเสียกลางทาง
โดยเมื่อไหร่ก็ตามที่เรากดปุ่มนี้ รถจะทำการต่อสายและส่งพิกัดของเราให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจโดยอัตโนมัติ เพื่อให้ความช่วยเหลือเราได้อย่างทันที
สรุปแล้วขับง่ายไหม?
ถึงแม้ว่าจะมีกฎยิบย่อยอยู่เยอะแยะในการขับรถที่ญี่ปุ่นนั้น แต่จริงๆแล้วเราบอกได้เลยว่า ขับง่ายกว่าประเทศไทยค่อนข้างมาก เพราะคนขับรถแต่ละคนจะขับแบบระวังคันอื่น และจะขับเรียงแถวกันโดนไม่เปลี่ยนเลนไปมายกเว้นจะแซงขวา
อีกทั้ง พวงมาลัยคนขับอยู่ฝั่งเดียวกับประเทศไทยและมีสัญลักษณ์จราจรที่เหมือนกัน
สิ่งที่เราควรระมัดระวังหลักๆคือการรักษาความเร็วไม่ได้เกินกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้ ให้ทางคนและจักรยานก่อนเสมอ และรักษากฎจราจร
เพียงเท่านี้ ท่านก็จะขับรถที่ญี่ปุ่นได้แบบไม่มีปัญหาอะไร
แต่ถ้าท่านไม่ต้องการที่จะขับรถเอง เพราะอยากที่จะใช้เวลาไปกับการเที่ยวได้อย่างเต็มที่โดยที่ไม่ต้องเหนื่อยไปกับการขับรถและไม่ต้องการที่จะกังวลว่าจะขับไปเส้นไหนดี กินข้าวที่ไหน ไปเที่ยวที่ไหน เวลาใดดี เติมน้ำมันอย่างไร จอดรถที่ไหน รวมถึงมีคนรับส่งสนามบินท่านสามารถใช้บริการของเราได้