จากบทความแรก เราได้รู้กันแล้วว่าจังหวัดเหนือสุดของประเทศญี่ปุ่นอย่างฮอกไกโดนี้ มีที่เที่ยวอย่างมากมาย แบ่งเป็นส่วนกลาง เหนือ ใต้ ออก ตก เหมือนกับเราไปเที่ยวประเทศแห่งหนึ่งกันเลยทีเดียวเชียว
ในบทความนี้ เรามาดูกันดีกว่าว่าเมืองและสถานที่เที่ยวที่สำคัญของเกาะฮอกไกโดในภาคตะวันออก และตอนเหนือของเกาะฮอกไกโดมีอะไรบ้าง
หากใครยังไม่ได้อ่านแรกของเรา อย่าลืมกลับไปอ่านกันหล่ะ
กลางตะวันออก
ที่เที่ยวภาคตะวันออกของเกาะฮอกไฮโดนั้นมีเยอะมาก โดยเราจะแบ่งที่เทียวเป็นสองโซนหลักๆ คือในช่วงของกลางตะวันออก และช่วงตะวันออก
ช่วงกลางตะวันออกของเกาะฮอกไกโดนั้น เป็นแหล่งเกษตรกรรมขึ้นชื่อของเกาะฮอกไกโด ทำให้ในภาคนี้เป็นภาคสุดฮิตประจำฤดูร้อนในช่วงเดือนกรกฎาคมถึงสิงหาคมของประเทศญี่ปุ่น
สถานที่ท่องเที่ยวหลังๆจะเป็นเชิงเกษตรกรรม มีทุ่งดอกไม้ ฟาร์มผลไม้ และฟาร์มโคนมอย่างมากมาย
บิเอะ-ฟุราโนะ
ภาพของทุ่งดอกลาเวนเดอร์ไกลสุดลูกหูลูกตา ทุ่งดอกไม้สลับสีสวยงามดั่งลานสไลด์เดอร์ขนาดยักษ์ น้ำตกสีฟ้าสดใส และฟาร์มเมลอนขึ้นชื่อของญี่ปุ่น สถานที่เที่ยวเหล่านี้ล้วนอยู่ในเมืองบิเอะ-ฟุราโนะ ทั้งหมด
ในหน้าร้อนของญี่ปุ่นช่วงเดือนกรกฎาคม-สิงหาคมนั้น ชาวญี่ปุ่นจำนวนมากเดินทางมาที่เมืองบิเอะและฟุราโนะ เพื่อรับชมความสวยงามของทุ่งดอกไม้นานาพันธุ์ เก็บเชอร์รี่จากฟาร์ม และลิ้มรสเมล่อนที่ขึ้นชื่อว่าดีที่สุดในญี่ปุ่นโดยเฉพาะ
นอกจากนั้นแล้วทุ่งดอกไม้แล้วนั้น ในเขตบิเอะ-ฟุราโนะยังมีบ่อน้ำสีฟ้าและน้ำตกสีฟ้าสดใส ที่เกิดขึ้นจากแร่ธาตุหินภูเขาไฟที่เข้าไปผสมกับน้ำจากแหล่งน้ำธรรมชาติได้อย่างลงตัว และกลายเป็นสีฟ้าสดใส
เขตบิเอะ-ฟุราโนะยังขึ้นชื่อในเรื่องของคุณภาพฟาร์มโคนมเป็นอย่างมาก มีร้านเบเกอรี่และคาเฟ่ห์อยู่มากมาย และมีนมจากวัวสายพันธ์เจอร์ซี่ที่ทั้งมันทั้งหอมและมีคุณค่าสูงกว่านมทั่วไปอีกด้วย
อาซาฮิคาวะ
หากใครอยากจะเดินพาเหรดคู่กับนกเพนกวิ้นสุดน่านัก ต้องมาที่สวนสัตว์อาซาฮิคาวะในช่วงหน้าหนาว
สวนสัตว์อาซาฮิคาวะมีชื่อเสียงอย่างมากในญี่ปุ่น โดยเฉพาะขบวนนกเพนกวิ้นที่จัดที่ในทุกๆวันในฤดูหนาวของฮอกไกโด ตั้งแต่ช่วงเดือนธันวาคมถึงเดือนมีนาคม ขึ้นอยู่กับปริมาณหิมะและอุณหภูมิของแต่ละปี
โดยความพิเศษของขบวนพาเหรดนี้คือเราสามารถเดินพาเหรดคู่กับขบวนนกเพนกวิ้นได้อย่างใกล้ชิด
นอกจากนกเพนกวิ้นแล้ว สวนสัตว์อาซาฮิคาวะยังมีสัตว์ต่างๆอีกมากมาย เช่น หมีขั่วโลกเหนือ นกฮูกสีขาว หมาป่า และแพนด้าแดง
ที่อาซาฮิคาวะยังมีหมู่บ้านราเมน ที่รวมร้านราเมนชื่อดังของเมืองมาไว้ในอาคารหลังเดียว ให้เราได้เลือกชืมได้อย่างง่ายดายอีกด้วย
เมืองอาซาฮิคาวะยังเป็นแหล่งปลูกข้าวชั้นนำของประเทศญี่ปุ่น หากเรามาในช่วงที่ข้าวกำลังบานในช่วงประมาณเดือนกันยายนถึงตุลาคมนั้น วิวสองข้างทางจะเป็นไปด้วยทุ่งข้าวสีทองอร่ามไกลสุดหูลูกตา และมีความงดงามเป็นอย่างมาก
นอกจากนั้นแล้ว เมืองนี้ยังขึ้นชื่อเรื่องเหล้าสาเกอีกด้วย
โซอุนเคียว
โซอุนเคียวเป็นเขตที่ถูกล้อมรอบไปด้วยหุบเขาต่างๆมากมาย ทำให้มีอุณหภูมิที่เย็นอยู่ตลอดเวลา และเป็นเขตที่เหมาะสำหรับคนที่ชื่นชอบอากาศหนาว ปืนเขา ดูใบไม้เปลี่ยนสีและแช่ออนเซนสบายๆ
ที่เที่ยวในโซอุนเคียวนั้นมีเส้นทางศึกษาธรรมชาติให้เราได้เดินอย่างมากมาย ทั้งเส้นทางใกล้ๆที่ใช้เวลาเดินน้อยกว่า 1 ชั่วโมง และเส้นทางระยะไกลที่ใช้เวลาเดินทาง 1 วันเต็มหรือมากกว่านั้น
อีกทั้งโซอุนเคียวยังเป็นที่แรกๆของญี่ปุ่น ที่เราสามารถเห็นใบไม้เปลี่ยนสีได้ โดยใบไม้ที่นี่จะเริ่มเปลี่ยนสีตั้งแต่กลางเดือนกันยายนเลยทีเดียว
หากใครอยากสัมผัสอากาศหนาวว่า -40องศานั้นเป็นอย่างไร สามารถไปที่ Ice Pavilion ได้ ซึ่งข้างในจะประติมากรรมที่ทำจากน้ำแข็งอย่างมากมาย รวมถึงห้องที่มีอุณหภูมิติดลบ 40 องศาอีกด้วย
ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์นั้น ที่โซอุนเคียวมีจัดเทศกาลน้ำแข็ง ซึ่งจะมีสถาปัตยกรรมที่ถูกแกะขึ้นจากน้ำแข็งขนาดเล็กใหญ่ พร้อมเปิดไฟสีสันงดงามให้เราสามารถเดินชมได้
ตะวันออก
ช่วงตะวันออกของเกาะฮอกไกโด เรียกได้ว่าเป็นช่วงที่มีอุณหภูมิหนาวเย็นที่สุดของประเทศญี่ปุ่น ในบางเขตนั้น อาจจะมีอุณหภูมิโดยเฉลี่ยที่ -20องศากันเลยทีเดียว
แม้อาจจะฟังดูหนาวไปสักหน่อย แต่ถ้าเราแต่งตัวให้เหมาะสม ความหนาวจะไม่เป็นปัญหาเลย
อีกทั้งช่วงตะวันออกของเกาะฮอกไกโด มีที่เที่ยวทั้งทางธรรมชาติและวัฒนธรรม ที่เราหาไม่ได้จากที่ไหนในประเทศญี่ปุ่นอีกด้วย
คุชิโระ
คุชิโระเป็นแหล่งอาศัยของนกกระเรียนญี่ปุ่น ซึ่งเป็นสายพันธุ์นกกระเรียนที่หายากอันดับสองของโลก และเราสามารถชมนกกระเรียนสายพันธุ์นี้ตามธรรมชาติได้ในเขตคุชิโระนี้เขตเดียวเท่านั้นในประเทศญี่ปุ่น
ที่คุชิโระจะมีแหล่งชมนกกระเรียนตามธรรมชาติ ที่สามารถพบเห็นนกกระเรียนญี่ปุ่นออกมาหากินตามธรรมชาติได้ทั่วไป
อีกทั้งที่คุชิโระยังมีทะเลสาบมากมาย รวมถึงทะเลสาบอะคัง ทะเลสาบที่มีความใหญ่และใสเป็นอย่างมาก มีความกว้างถึง 13 กิโลเมตร และเต็มไปด้วยสาหร่ายทรงกลมน่ารักที่เรียกกันว่าสาหร่ายมาริโมะ
ที่ทะเลสาบอะคังนี้ยังเป็นที่อยู่ของชาวไอนุ ซึ่งเป็นชาวพื้นเมืองของเกาะฮอกไกโด โดยเราสามารถลิ้มลองอาหารชาวไอนุ รับชมวัฒนธรรม การละเล่นพื้นบ้าน และสถาปัตยกรรมและงานหัตถกรรมพื้นเมืองของชนเผ่านี้ได้อีกด้วย
อะบาชิริ
หากใครอยากลองนั่งเรือตัดน้ำแข็ง ต้องไปที่เมืองอะบาชิริเท่านั้น
ในช่วงประมาณเดือนมกราคมถึงเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี ทะเลที่อยู่ติดกับเมืองอะบาชิริจะกลายเป็นน้ำแข็งทั้งหมด และเราสามารถขึ้นไปบนเรือตัดน้ำแข็งเพื่อสัมผัสถึงประสบการณ์แบบใหม่ที่เราหาไม่ได้จากที่ไหน
นอกจากนั้นแล้ว เรายังไปชมคุกอะบาชิริ ที่เป็นเรียกได้ว่าเป็นคุกที่มีความแน่นหนาและแหกยากที่สุดในประเทศญี่ปุ่น และยังเป็นคุกเกษตรกรรมที่ให้นักโทษทำการเกษตรเพื่อเลี้ยงดูตัวเองอีกด้วย
หากเราไปในช่วงหน้าร้อนนั้น เราสามารถไปชมทุกดอกชิบะซากุระ หรือดอกไม้สีชมพูที่มีลักษณะคล้ายดอกซากุระ แต่บานตามพื้นดิน โดยที่อะบาชิรินี้ ดอกชิบะซากุระจะบานทั่วทั้งหุบเขา และเรายังสามารถขึ้นเฮลิคอปเตอร์เพื่อดูดอกไม้จากมุมสูงได้อีกด้วย
นอกจากดอกชิบะซากุระแล้ว ยังมีทุกดอกทิวลิปขนาดใหญ่และทุ่งสาหร่ายสีแดงที่มีแค่ที่เดียวในญี่ปุ่นเท่านั้น
ชิเรโตโกะ
ชิเรโตโกะคือเขตอุทยานแห่งชาติที่มีความสมบูรณ์เป็นอย่างมาก
สมบูรณ์ขนาดที่ว่าเราสามารถเห็นสัตว์ป่าออกมาหากินตามธรรมชาติได้ในทุกครั้งเวลาที่เราไปที่อุทยานแห่งนี้ ซึ่งจะมีทั้งทั้งสุนัขจิ้งจอกญี่ปุ่น กวางป่า และบางครั้ง เราอาจจะมีโอกาสได้เห็นหมีฮอกไกโดตามธรรมชาติอีกด้วย
หากเราใปในฤดูวางไข่ของปลาแซลมอน เราสามารถเห็นปลาแซลมอนนับหมื่นตัว พยายามแหวกว่ายทวนกระแสน้ำตก เพื่อเข้าไปวางไข่ได้ในเขตชิเรโตโกะแห่งนี้
ข้างในเขตชิเรโตโกะมีที่เที่ยวทางธรรมชาติอย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็นทางเดินธรรมชาติในทะเลสาบทั้งห้า ซึ่งมีการพบเห็นหมีธรรมชาติอยู่ตลอดเวลา มีน้ำตกออนเซนขนาดใหญ่ และมีการนั่งเรือเพื่อไปชมปลาวาฬหลากหลายชนิด ปลาโลมา และชมแหล่งที่อยู่อาศัยของหมีฮอกไกโดตามธรรมชาติอีกด้วย
ในช่วงหน้าหนาวประมาณเดือนมกราคมและกุมภาพันธ์ของทุกปีนั้น ทะเลบางส่วนรอบๆชิเรโตโกะจะกลายสภาพเป็นแพน้ำแข็ง ซึ่งเราสามารถไปเช่าชุดสำหรับกันเปียกและกันหนาว เพื่อขึ้นไปเดินเล่นบนแพน้ำแข็งได้อีกด้วย
เหนือ
สถานทีท่องเที่ยวในช่วงตอนเหนือของฮอกไกโดนั้น จะมีน้อยกว่าภูมิภาคอีก ซึ่งสถานที่เที่ยวหลักๆนั้นจะอยู่ที่เมืองวักกะไน
วักกะไน
เมืองวักกะไนคือเมืองที่อยู่เหนือสุดของประเทศญี่ปุ่น
โดยเมืองนี้มีลักษณะเหมือนเป็นแหลมที่ถูกล้อมรอบโดยทะเลโอโคสึ (Okhotsk) และเป็นเมืองที่อยู่ติดกับประเทศรัสเซีย
สถานที่ท่องเที่ยวในเมืองวักกะไนส่วนมากจะเป็นสถานที่เที่ยวทางธรรมชาติแทบทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นถ้ำหินปูนขนาดใหญ่ที่มีอายุมากกว่า2 ล้านปี เส้นทางโรแมนติกที่เต็มไปด้วยเปลือกหอยสีขาวในระยะที่ยาวมากกว่า 3 กิโลเมตร และ หนองน้ำริมทะเลต่างๆที่มีดอกไม้ท้องถิ่นแปลกๆนานาพันธฺ์ที่เราสามารถหาชมได้ในสภาพภูมิอากาศนี้เท่านั้น
เมืองวักกะไนยังมีแนวกำแพงกันคลื่นลม ซึ่งมีลักษณะเป็นคลื่นน้ำขนาดใหญ่ได้ ให้เราได้ไปรับชมได้อีกด้วย
หากใครมาขับรถที่นี้ ต้องระวังกวางเป็นพิเศษ เพราะเราสามารถพบเห็นกวางข้ามถนนเป็นประจำ และที่สำคัญ เมืองวักกะไนนี้ยังขึ้นชื่อในเรื่องของหอยแม่นและหอยโฮตาเตะเป็นอย่างมากอีกด้วย
สุดท้ายนี้
บทความที่เที่ยวบนเกาะฮอกไกโดทั้งสองภาคนี้เป็นเพียงแค่จุดเที่ยวหลักๆคร่าวๆบนเกาะฮอกไกโด ยังไม่รวมถึงสถานที่ท่องเที่ยวเล็กๆน้อยๆ ทั้งทะเลสาบที่ใสอันดับสองของโลก ทั้งลานสกีต่างๆที่กระจายอยู่ทั่วเกาะ ทั้งจุดชมวิวอื่นๆอีกอย่างแหลมคามุย ทั้งคาเฟ่ห์บรรยากาศดีๆอีกมากมายที่มีกระจายอยู่ทั่วทั้งเกาะ
หากใครอยากจะมาขับรถเที่ยวที่่เกาะฮอกไกโดนี้ ให้เตรียมลางานมาได้เลยหลายๆวัน เพื่อที่เราจะสามารถเดินทางไปเที่ยวที่ต่างๆบนเกาะนี้ให้ได้มากที่สุด